ก่อนจะเริ่มการพูดที่ใดก็แล้วแต่ สิ่งสำคัญคือพูดให้ใครฟัง ค้นหาคำตอบเกี่ยวกับกลุ่มผู้ฟังของเราให้มากที่สุด ระดับประสบการณ์ของพวกเขา ภาษาที่ต้องใช้เป็นอย่างไร? เพิ่มเติม: คำพูดที่เพราะที่สุด — ที่เราควรลองไปใช้กัน หลายคนอาจจะคิดว่าคำพูดนั้นคือคำว่าครับ/ค่ะ รึเปล่า? แต่คำพูดที่เพราะที่สุดนั้นคือ ชื่อของคนที่เราสื่อสาร ด้วย นอกจากจะช่วยให้เราสื่อสารได้ดีขึ้นแล้ว แน่นอนเลยว่าจะเพิ่มเสน่ห์ให้คุณได้เพิ่มอีกไม่น้อย รู้ไหมครับว่า 26, 000 คำ คือคำเฉลี่ยที่มนุษย์ใช้ในแต่ละวัน ซึ่งถือเป็นจำนวนที่ค่อนข้างมาก การพูดเก่งพูดดีนั้นไม่ได้หมายความว่าเป็นคนที่สามารถพูดได้เป็นชั่วโมงโดยไม่หยุดหย่อน แต่ยิ่งกว่านั้นคือต้องรู้จักฟังด้วย เราจึงควรวางโครงสร้างการพูดให้ดี รู้ว่าจังหวะไหนที่พูด จังหวะไหนที่ต้องรับฟัง ศาสตร์การพูดมีเยอะแยะมากมายแต่ศาสตร์แบบไหนที่เหมาะและใช่กับเรา คำตอบคือ "เราต้องลองใช้จริง" ทั้งสองคนแนะนำให้ทำตัวแบบ YES MAN! เปิดโอกาสให้ตัวเองสู้ และลุย say yes กับเหตุการณ์ต่างๆที่เป็นเวทีให้เราฝึกฝนทักษะนี้ การที่ได้ซ้อมบ่อยๆจะช่วยลดความตื่นเต้นและเพิ่มความมั่นใจให้เราเจนสนามมากขึ้น นอกจากนี้การดูคลิปการพูด ซึ่งอาจจะเป็นคลิปของผู้สอนต่างๆทั้งไทยเทศ หรือคนทีประสบความสำเร็จ ก็เป็นวิธีที่ดีเช่นกัน โดยในแต่ละครั้งให้เราสังเกตการแสดงออกทางสีหน้า ท่าทางของมือ การเคลื่อนไหวของร่างกาย และการเลือกใช้คำพูดต่างๆ เพื่อดูว่าเราสามารถหยิบนำตรงไหนมาประยุกต์ใช้ได้บ้าง?
เพิ่มเติม: ตัวอย่างรายชื่อนักพูด/คนทีประสบความสำเร็จที่น่าสนใจ สตีฟ จ็อบส์ Toastmaster club, TED Talks พี่โน้ต อุดม แต้พาณิช ใครมีคนไหนที่อยากจะแนะนำ ก็พิมพ์บอกกันได้นะครับ:) เราไ ม ่มีทางรู้เลย คนที่จะรู้ว่าเราพูดเก่งไม่เก่งคือ คนฟัง วันใดที่คนฟังบอกว่าเราพูดดี พูดเก่งว่ะ นั่นแหล่ะถึงเป็นสัญญาณให้เราได้รู้ แต่แม้เราจะเก่งแล้ว ก็มีคนที่เก่งกว่าเราอยู่ดี เราต้องไม่หยุดพัฒนาและยังคงเรียนรู้อยู่เสมอ ที่สำคัญคือ อย่ายอมแพ้และอย่าท้อแท้ไปเสียก่อน ท็อปเป็นกำลังใจให้. ก็จบลงแล้วนะครับสำหรับ 5 เคล็ดลับง่าย ๆ หวังว่าบทความนี้จะเป็นสาระความรู้ที่เพื่อนๆสามารถนำไปปรับใช้กันได้นะครับ ต้องขอบคุณเพื่อนโอ้คและเพื่อนนัตเตอร์มากๆที่ให้โอกาสท็อปได้เขามาลองเนียนเรียนด้วย สนุกมากๆ. ปล. ยังมีเรื่องราวอีกหลากหลายที่ท็อปได้ไปพบเจอ ฝากติดตามเรื่องราวแบบนี้ได้ที่บล็อกหรือแฟนเพจของท็อปได้เลยนะครับ FACEBOOK: TOPVIEW หรือกด subscribe ที่ช่องยูทูปนี้ได้เหมือนกัน ขอบคุณครับ YOUTUBE: TOPVIEW
เมื่อลูกเริ่ม "โกหก" สอนอย่างไรให้ได้ผล เมื่อลูกเริ่ม "โกหก" สอนอย่างไรให้ได้ผล หลาย ๆ ครั้งที่จับได้ว่าลูก "โกหก" เชื่อว่ามีพ่อแม่จำนวนหนึ่งกลับมานั่งถามตัวเองว่า การตอบโต้ที่เข้าใจว่าเป็นการสอนนั้นทำไมไม่ได้ผล หรือทำไมยิ่งแย่ลง สาเหตุหนึ่งที่สำคัญคือ ความไม่เข้าใจในสาเหตุ ลักษณะพฤติกรรมของเด็ก รวมถึงไม่ทราบวิธีการจัดการที่ถูกต้องนั่นเอง เกี่ยวกับเรื่องนี้ พญ.
พยายามสังเกตว่าลูกมีอาการป่วยทางจิต เช่น โรคซึมเศร้า ความบกพร่องทางสติปัญญา หรือมีปัญหาเรื่องภาษาหรือไม่ เนื่องจากเด็กกลุ่มนี้อาจโกหกโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ทำไปเพราะพวกเขาป่วย หากสงสัยว่าลูกมีภาวะดังกล่าวควรพามาพบจิตแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย และรักษาอย่างเหมาะสม ข้อมูลจาก:
เวลาเจอฝรั่งพูดเร็ว ไม่เข้าใจ ให้ทำไง? ปัญหาหนึ่งเวลาพูดกับชาวต่างชาติคือ เวลาเจอฝรั่งพูดเร็วๆ รัวๆ ลิ้นแทบจะพันกัน คนฟังก้อหูแทบจะพันกัน เลยทำใหคนกลัวไม่กล้าพูดภาษาอังกฤษ แต่!! เป็นเรื่องปกตินะที่เราอาจจะไม่คุ้นกับสำเนียง หรือจับความไม่ทัน จริงๆฝรั่งเค้าก้อไม่ได้พูดเร็วอะไร ก้อเหมือนเราพูดภาษาไทยนี่แหละ สปีดปกติที่ราพูดกัน เพียงแต่เราไม่ชินแค่นั้นเองค่ะ …. เวลาเราฟังไม่ทันก้อจะมีประโยคที่พูดเพื่อบอกให้เค้าพูดใหม่ หรือพูดช้าลง หรือพูดเสียงดังขึ้น…เริ่มจากประโยคเลเวลง่ายๆกันก่อนค่ะ ** sorry? ปกติ sorry แปลว่า ขอโทษ แต่ ถ้าพูดเป็นประโยคคำถาม จะออกเสียงว่า "ซ่อหริ๊" จะหมายถึง "อะไรนะคะ? /อะไรนะครับ? " เวลาที่เราฟังเค้าพูดไม่ทัน หรือจะใช้คำว่า pardon? (พาร์ด๊อน? ) อะไรนะคะ/อะไรนะครับ เป็นประโยคคำถามเหมือนกัน หรือถ้าอยากได้เวอร์ชั่นยาวๆหน่อยก็บอกว่า I beg your pardon? (ไอ เบ๊ก ยอร์ พาร์ด๊อน). ก็ได้ค่ะ ** ถ้าเป็นแบบทางการอีกนิดนึง ก้อให้ถามว่า Can you repeat that please? (แคน ยู รีพี๊ท แด้ท พล๊ีส) กรุณาพูดใหม่ได้มั้ย หรือ Can you say that again please? ก้อแปลเหมือนกันคือให้เขาพูดใหม่ หรือจะบอกว่า I'm sorry.
งานที่เกี่ยวข้องกับการขายคงสร้างความปวดหัวให้กับคนที่คิดว่าตัวเองขายไม่เก่งบ้างไม่มากก็น้อย หลายๆ คนถึงกับขยาดเมื่อต้องไปทำหน้าที่หรืออะไรก็ตามที่ต้องออกไปขาย คงมีหลายเหตุผลที่ทำให้คุณเป็นคนแบบนั้น เช่น เป็นคนขี้อาย ไม่มีความมั่นใจ พูดไม่เก่ง คิดว่าการขายคือการตื๊อ หรือว่ามีประสบการณ์แย่ๆ เกี่ยวกับการขายที่ผ่านมา โดยเฉพาะการโดนปฎิเสธ ผมจะบอกว่าไม่แปลกหรอกครับที่คุณคิดแบบนั้น คนที่ขายไม่เก่งแต่กลับคิดว่าตัวเองเจ๋งสิแปลก ไม่มีอะไรที่คุณเชี่ยวชาญมาตั้งแต่เกิดโดยปราศจากการฝึกฝนหรอกครับ ผมจึงมีวิธีแก้ปัญหาถ้าคุณรู้สึกว่าตัวเองขายไม่เก่งเอาเสียเลย ดังนี้ 1. เรียนรู้จากท็อปเซลล์เป็นหลัก จงหาให้เจอว่าใครในองค์กร เช่น เพื่อนร่วมงาน เจ้านาย รุ่นพี่ ฯลฯ ที่เป็นนักขายมือทองและจงไปบอกพวกเขาตรงๆ ว่าคุณมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเรียนรู้จากพวกเขาด้วยการให้พวกเขาเป็นพี่เลี้ยง โอกาสที่ยอดเยี่ยมที่จะทำให้คุณขายเก่งขึ้นคือการไปออกตลาดเพื่อเจอของจริงกับพวกเขาและเรียนรู้ว่าเขาทำได้อย่างไรถึงจะปิดการขายได้ จากนั้นก็ก็อปปี้มาใช้ซะ 2. เน้นการเป็นที่ปรึกษามากกว่าการขาย การเป็นที่ปรึกษามากกว่าการเป็นนักขายคือโอกาสทองของคุณที่จะทำให้คุณขายของได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะการเป็นที่ปรึกษาจะเพิ่มความน่าเชื่อถือให้คุณและปิดจุดอ่อนเรื่องการพูดไม่เก่งหรือไม่ชอบพูดได้ดีมาก วิธีการเป็นที่ปรึกษาก็ง่ายๆ คือการถามคำถามลูกค้าเป็นหลักเพื่อเก็บข้อมูล เช่น สถานการณ์ปัจจุบัน ชีวิต ธุรกิจ ฯลฯ คำถามที่ดีคือถามเกี่ยวกับสินค้าและบริการของคุณ จากนั้นก็เลือกนำเสนอจากการถามให้ตรงกับสิ่งที่ลูกค้าตอบ เพียงเท่านี้ก็ทำให้คุณดูดีขึ้นโดยไม่ต้องพูดอะไรมากแล้วล่ะครับ 3.